เรื่องในตอนนี้เป็นของคุณบี (นามสมมติ) ที่หมอได้มีโอกาสได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้น เมื่อคุณบีอายุได้ประมาณ 11 หรือ 12 ขวบและได้ติดตามเป็นระยะอีกประมาณ 20 ปี
เริ่มเรื่องตั้งแต่ตอนที่คุณบีมากับน้องชายที่กระดูกหัก ต้องเข้าเฝือก และขณะที่กำลังยืนอยู่ในโรงพยาบาล เกิดไม่รู้สึกตัว ล้มลงกองอยู่กับพื้น เสียงสนั่นหวั่นไหว หมอเองอยู่แถวนั้นพอดี เข้าไปดู ช่วยปฐมพยาบาล พบว่าตัวซีดเย็น ชีพจรแผ่วเบามาก หลังจากกระบวนการปฐมพยาบาล ให้น้ำเกลือ ออกซิเจน และต่างๆจิปาถะแล้ว เมื่อฟื้นขึ้นมาคุณบีจำอะไรไม่ได้ รู้เพียงแต่ว่า กำลังยืนอยู่และวูบไป
โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นครั้งแรก โดยไม่เคยมีประวัติของโรคลมชัก หรือมีอาการทางหัวใจเต้นผิดปกติมาก่อน ทั้งนี้ ในเวลาต่อมาได้รับการตรวจจังหวะการเต้นของหัวใจโดยใช้เครื่องติดตัว 24 ชั่วโมง ได้รับการตรวจคลื่นสมองและตรวจคอมพิวเตอร์สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของสมอง และทำการประเมินระบบประสาทอัตโนมัติ เป็นต้น โดยไม่พบความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
ในเวลาถัดมาประมาณหนึ่งเดือน คุณบีได้เข้ามาบอกหมอด้วยความลังเลว่า ขณะที่เดินตามถนน เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกเย็นๆยะเยือกผิดปกติ ถ้ามองดีๆจะเห็นว่า ที่อยู่ตรงหน้านั้น ที่กำลังเดินอยู่นั้น ไม่ใช่คนทั้งหมด นอกจากนั้น ในงานศพของคุณยายของคุณบีได้เห็นคุณยายยืนอยู่ที่มุมศาลาด้วย
...
หมอจำได้ว่าในขณะนั้น ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร เป็นความผิดปกติทางสมองส่วนใดที่ทำให้เกิดภาพมายาหรือภาพหลอน ได้ตรวจร่างกายทางระบบประสาท รวมทั้งซักถึงอาการอย่างอื่นที่บ่งบอกถึงความแปรปรวนทางอารมณ์ต่างๆ ซึ่งก็ไม่พบว่ามีความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น ครั้งนั้นได้แนะนำให้รับประทานยาคลายเครียด วิตกกังวล เพราะดูจะหวาดๆพอสมควร ดีที่อาการเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา แต่เป็นบางครั้งไม่ถี่หรือบ่อยนัก
หลังจากนั้นอีกหลายปีคุณบีได้มาพบอีก ลักษณะสุขภาพก็ดูแข็งแรงดี พูดจาฉะฉาน แต่ได้มาเล่าให้ฟังว่า คุณย่าที่นอนอยู่ในห้องไอซียูมาสี่ปี เนื่องจากเป็นโรคปอดเรื้อรัง ถุงลมพอง ต้องเจาะคอใส่เครื่องช่วยหายใจมาตลอด และเกิดเหตุการณ์ปาฏิหาริย์หลายต่อหลายครั้ง โดยที่มีการติดเชื้ออย่างรุนแรงถึงขนาดช็อกในคนอายุ 90 ปี และเชื้อดื้อยาหลายขนาน แต่ก็กลับคืนดีได้ และแม้แต่ถุงลมในปอดรั่วมีอากาศอยู่ในช่องเยื่อหุ้มปอด จนปอดแฟบไปหนึ่งข้าง และปอดอีกข้างหนึ่งก็ไม่ปกติ ทั้งนี้โดยที่มีโรคของถุงลมและหลอดลมอย่างรุนแรงอยู่แล้วด้วยซ้ำและตกลงกันว่าจะไม่ใส่ท่อสายยางคา เพื่อระบายลมออกและเพื่อให้อยู่อย่างสบายไม่ทรมานโดยได้ยานอนหลับเท่านั้น แต่เวลาผ่านไปกลับปรากฏว่าลมที่รั่วออกมานั้นดูดซึมไปได้เองและปอดทำงานได้ใหม่
ที่หมอต้องซักรายละเอียดเกี่ยวกับคุณย่าของคุณบี เพราะเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพันกับสิ่งที่คุณบีพบ โดยที่เข้าไปเยี่ยมคุณย่านั้น เห็นว่ามีคุณยายอีกท่าน ลักษณะเป็นคนจีน ยืนอยู่ข้างเตียง และคอยยื้อยุดฉุดคุณย่าของคุณบีไม่ให้ไปไหน เหมือนกับให้อยู่ด้วยกันตลอด หรือจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นไม่ทราบได้
ขณะนั้นหมอก็ไม่ได้แนะนำให้ทำอะไรต่อ แต่ทั้งนี้คุณบีเล่าให้คุณพยาบาลในห้องไอซียูฟัง ซึ่งทุกคนก็รับฟัง และถึงแม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อย่างไร ก็ตาม ก็เป็นเรื่องประหลาดที่ทุกครั้งที่เกิดเหตุวิกฤติ ผู้ป่วยกลับรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อ
จากนั้น อีกระยะหนึ่งนานพอสมควร คุณบีเกิดเหตุการณ์ใหม่โดยเล่าว่า ในห้องนอนซึ่งติดแอร์ ปิดหน้าต่างมิดชิด ปรากฏว่า หมาที่นอนอยู่บนเตียงด้วยกันทั้งเห่าและหอนไม่หยุด อีกทั้งผ้าม่านสั่นไหวได้เอง และมีเสียงคนเดินรอบเตียง โดยคุณบี กอดหมาคลุมโปง จนกระทั่งผล็อย หลับไป แต่เมื่อตื่นขึ้น คล้ายกับมีคนมานอนอยู่ข้างๆ เมื่อหันไปมองทางด้านขวา เจอผู้หญิงผมยาวนอนอยู่ และเมื่อหันหน้ามาพบว่าไม่มีลูกตาทั้งสองข้าง แต่ไม่ได้แสดงท่าทีไม่เป็นมิตรหรือประสงค์ร้ายใดๆ
คุณบีพร้อมทั้งหมาจึงวิ่งออกไปหาครอบครัวซึ่งอยู่ห้องข้างๆ
เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นบ้างแม้ไม่บ่อยนัก แต่ก็เกิดขึ้นทุกเดือนและมีการทำบุญแผ่ส่วนกุศลที่วัดแทบทุกวัน แต่ลักษณะของคนที่มาให้เห็นนั้นจะไม่ใช่คนเดิม ทำให้อนุมานไปว่า คุณบีขณะนั้นเป็นช่องทางติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือหรือไม่
แต่เนื่องจากสิ่งที่เห็นนั้นเขย่าขวัญค่อนข้างมาก ทำให้ต้องย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างมาไม่ต่ำกว่า 60 ถึง 70 ปี และแม้ว่าจะอยู่ที่บ้านหลังใหม่ ก็ประสบเหตุการณ์แบบเดิมอีก และทำให้คุณบีเข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ และสามารถท่องบทสวดมนต์ได้อย่างขึ้นใจ
...
จากบ้านที่อยู่นั้นเป็นบ้านโบราณ จึงได้ย้ายไปพักอาศัยอยู่ในตึกเล็กๆข้างๆที่สร้างใหม่ แต่อยู่ในบริเวณเดียวกัน และเป็นโชคดีที่ไม่เจอเหตุการณ์อย่างนั้นบ่อย แต่จะเป็นเห็นคนเดินในบริเวณพื้นที่ในสนาม ซึ่งแม่บ้านที่ดูแลบ้านก็เห็นเช่นกัน นัยว่า แม่บ้านได้ขอเลขและถูกติดต่อกันหลายงวด จนหมอฟังแล้วตื่นเต้นบอกว่า ถ้าได้มาแล้วอย่าลืมบอกหมอแล้วกัน... เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้อยู่ดีๆก็สงบและพักอาศัยอย่างร่มรื่น โดยที่คุณบี ความที่รักสัตว์ได้เข้าไปที่มูลนิธิ สัตว์พิการ โดยซื้ออาหาร ยารักษาโรคและถ้ามีเวลาว่างเข้าไปช่วยดูแลเยี่ยมสัตว์เหล่านี้ และพยายามหาบ้านใหม่รวมกระทั่งถึงกับนำหมาเหล่านี้มารักษาจนหาย ซึ่งแต่ละตัวต้องดูแลทั้งวันทั้งคืน บางตัวก็รอดซึ่งกลายเป็นหมาประจำตัว ประจำบ้านไป แต่ตัวที่ไม่รอดอย่างน้อยในระยะสุดท้าย ไม่ได้ทรมานและได้รับความรัก ความดูแลเอาใจใส่จนวาระสุดท้าย
จนในท้ายสุดที่คุณบีเล่าให้ฟัง มีหมาอยู่ทั้งหมด 10 ตัว ทั้งตัวเล็กและตัวใหญ่ เป็นหมาไทย หมาจรก็หลายตัว และยังคงทำบุญอยู่เสมอ พร้อมกับเอาของไปบริจาคในช่วงโควิดที่ผ่านมาสองปี
โดยทั้งนี้ มีชีวิตที่สงบและงานการก็ดำเนินไปได้ แม้ไม่หวือหวาแต่ก็ไม่ได้เจ๊ง ซึ่งหมอก็ดีใจด้วยอย่างมาก และที่ดีใจมากเป็นพิเศษก็คือ เหตุการณ์ขวัญผวาที่เจอมาตลอดนั้น ดูสงบเป็นปลิดทิ้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ที่เริ่มดูแล พยายามช่วยชีวิตสัตว์พิการและยังคงทำบุญอยู่เสมอ
ผู้อ่านมาถึงตอนนี้ คงจะแบ่งเป็นสองฝ่าย ไม่เชื่อเลย หรือเชื่อบ้าง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแก่คุณบีคนเดียวเท่านั้น ดังนั้น ก่อนที่จะจบ ปรากฏว่า มีพยานรู้เห็นที่เป็นเพื่อนบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกันหลายคน และเดินผ่านบ้านคุณบีตอนกลางคืน โดยที่ขณะนั้นคุณบีนอนหลับสนิทไปเรียบร้อยแล้ว โดยในวันรุ่งขึ้นตอนเช้า เพื่อนบ้านได้ทักคุณบีว่า เมื่อคืนมีงานเลี้ยงใหญ่โต ไม่เห็นชวนเลย และเป็นงานปาร์ตี้ ชุดไทยหรืออย่างไร เพราะมีทั้งผู้หญิงและผู้ชายแต่งชุดไทยโบราณมากมายหลายคน และบริเวณสนามหญ้าเปิดไฟสว่างไสว มีเสียงเพลงไทยเดิมด้วย
...
คงจะจบเท่านี้นะครับ และตอกย้ำว่า ความเอาใจใส่ต่อคนอื่น ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เท่าที่จะช่วยได้ตามฐานะ ไม่ใช่แต่เพียงมนุษย์ด้วยกัน แต่กับชีวิตสัตว์ที่ร่อนเร่ หิว เจ็บป่วย พิการ สิ่งเหล่านี้มีความหมาย และการให้เป็นการทำด้วยน้ำใสใจจริงและคงเส้นคงวาเป็นสิ่งที่ประเสริฐ แม้เป็นเพียงแต่ความรัก ความเอาใจใส่ ก็มีความหมายครับ.
หมอดื้อ